วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

การฝึกงาน มีความสำคัญอย่างไร




การฝึกงานจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการศึกษาในชั้นปีสุดท้าย เพื่อเป็นการเพิ่มทักษะในด้านการทำงานเตรียมพร้อมก้าวเข้าสู่โลกแห่งการทำงานที่แท้จริง ส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณสามเดือนในช่วงปิดภาคเรียนในการฝึกปฏิบัติงาน ตามหลักแล้วการฝึกงานก็คือ การฝึกทักษะในการบริหารและการจัดการในการทำงานภายในองค์กรต่างๆ เช่น บริษัทน้ำมันหรือแก๊ส การออกแบบภาพโดยใช้คอมพิวเตอร์ เป็นต้น ดังนั้นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะเลือกฝึกงานในบริษัทที่อยู่ภายในท้องถิ่นหรือต่างถิ่น ขึ้นอยู่กับสาขางานที่ต้องการเข้ารับการฝึกอบรม

แล้วจะฝึกงานกับหน่วยงานใดและได้สิ่งใดตอบแทน?

บริษัทที่มั่นคงส่วนใหญ่จะเปิดโอกาสให้นักศึกษาเข้าไปฝึกงาน โดยต้องมีหนังสือส่งตัวจากทางสถาบันเพื่อเข้ารับการฝึกงาน ในกรณีนี้ ทางบริษัทจะให้นักศึกษาเรียนรู้และฝึกทำงานอย่างแท้จริง แล้วพิจารณาจ้างงานนักศึกษาเหล่านั้นหลังจากที่สำเร็จการศึกษา

ไม่ต้องกังวลว่าทุกบริษัทจะรับนักศึกษาฝึกงานจำเพาะที่มีหลักสูตรการเรียนบังคับไว้เท่านั้น มีองค์กรมากมายที่เปิดโอกาสให้กับผู้ที่สนใจเข้าศึกษาหาความรู้ในการทำงานถ้าหากให้ความสนใจอย่างจริงจัง โอกาสเหล่านี้มักจะเปิดให้กับนักศึกษาในสถาบันต่างๆเป็นอันดับแรก ดังนั้นควรติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางมหาวิทยาลัยอยู่เสมอ

ควรจะเริ่มต้นจากตรงไหน?

นักศึกษาที่พร้อมสำหรับการทำงานมักจะมุ่งความสนใจไปที่การสมัครงานผ่านทางอินเตอร์เน็ต “เช่นที่ผู้ฝึกงานทั้งหลายพึงกระทำในช่วงเวลาที่ผ่านมา ขอแนะนำว่าให้ค้นหาบริษัทต่างๆที่เหมาะสำหรับตนเอง เช่น สนใจในด้านวิศวกรรม หรือการออกแบบสำหรับการทำเว็บไซต์ คุณสามารถค้นหาบริษัทที่เกี่ยวข้องกับงานด้านนี้ได้ถึง 15- 20 บริษัทในเขตพื้นที่ที่อาศัยอยู่ เพียงแค่ติดต่อกับฝ่ายบุคคลของบริษัทที่คุณสนใจผ่านทางโทรศัพท์เพื่อสอบถามข้อมูลในการสมัครเข้ารับการฝึกงาน” พอล์ล ในวัย 22 ปีกล่าว

คำถามอื่นๆที่จำเป็น:

? มีบริษัทที่เปิดรับนักศึกษาฝึกงานจากต่างชาติหรือไม่? (ในกรณีที่ศึกษาอยู่ต่างประเทศ หรือต้องการไปฝึกงานยังต่างประเทศ)

? มีค่าตอบแทนสำหรับการฝึกงานหรือไม่ และต้องทำอะไรบ้าง? (มักจะไม่ใช่ “งานที่ยุ่งอยู่ตลอดเวลา” การฝึกงานมักจะเป็นการทำหน้าที่ประทับตรา หรือส่งแฟกซ์เป็นส่วนใหญ่)

เมื่อสามารถค้นหารายชื่อบริษัทที่ตนเองสนใจได้แล้ว (1) เสนอขอฝึกงานในตำแหน่งที่เกี่ยวข้อง และ (2) สอบถามข้อแลกเปลี่ยนจากการฝึกงาน ควรจะสอบถามข้อมูลให้ครบทุกด้าน เมื่อทำการสมัครงานเรียบร้อยแล้ว ควรหมั่นติดตามผลการสมัคร บางบริษัทจะมีแบบฟอร์มการสมัครงานของตนเอง แต่ส่วนใหญ่มักจะต้องการให้ผู้สมัครส่งเอกสารและข้อมูลของตนเองเข้ามามากกว่า

เมื่อส่งจดหมายสมัครงานเข้าไปแล้ว ต้องมีการติดตามผลการสมัครโดยโทรสอบถามข้อมูลการสมัครจากผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาได้รับเอกสารในการสมัครงานจากเราเรียบร้อยแล้ว

ลักษณะการฝึกงานที่แท้จริงเป็นอย่างไร?

นักศึกษาหลายคนที่เข้าไปฝึกงานแล้วพบว่า เป็นประสบการณ์ที่น่าเบื่อหน่าย เนื่องจากไม่ได้ทำงานอย่างจริงจัง ในกรณีนี้จะเกิดขึ้นกับบริษัทที่ผู้ให้การฝึกสอนไม่มีเวลาหรือบริษัทมีงานน้อย แต่ถ้าคุณมีการคัดสรรค์บริษัทที่จะเข้าไปฝึกงานอย่างดีแล้ว จะพบว่าตนเองได้รับประสบการณ์ที่มีค่าทั้งในด้านการทำงานและสังคมของการทำงาน

“การฝึกงานคือ โอกาสที่ดีในการค้นหาว่าสาขาที่คุณสนใจนั้นเหมาะสมกับตนเองหรือไม่ เพียงแค่เลือกสิ่งที่ตนเองสนใจ แล้วลงมือดำเนินการตามนั้น” แอนเดรีย ชุง วัย 20 ปีกล่าว

บางครั้งอาจจะต้องประหลาดใจเมื่อพบว่า “ตอนที่เข้ามาทำครั้งแรก ฉันคิดว่าตนเองสนใจในด้านนี้มาก แต่หลังจากได้ทดลองฝึกงานแล้ว ฉันคิดว่าตนเองเหมาะสมกับงานวิศวกรรมมากกว่า มันคือประสบการณ์ที่ทำให้ค้นพบการทำงานที่ต้องการ และเริ่มร่างภาพการทำงานในอนาคตของตนเอง” ตามความเห็นของโมฮัมเหม็ด ไอดริส วัย 21 ปี

สำหรับคนอื่นๆ เช่น โมอัน วัย 20 ปี เห็นว่าการฝึกงานเป็นโอกาสที่จะได้เรียนรู้เทคนิคใหม่ๆในการทำงาน “ถ้าคุณโชคดี อาจจะได้ทำงานที่เหมาะสมกับตนเองอย่างยิ่ง ในยุคของการใช้เทคโนโลยีในการทำงานเช่นนี้”

ในด้านสังคม เนื่องจากการฝึกงานมีการคัดเลือกนักศึกษามาจากหลากหลายมหาวิทยาลัย บางครั้งก็หลายประเทศ ทำให้มีโอกาสได้พบกับบุคคลมากมาย ได้แลกเปลี่ยนทัศนคติในการทำงานกับผู้ที่ฝึกสอนงานให้ ซึ่งอาจจะได้เรียนรู้ทักษะในการจัดการและการทำงานร่วมกับผู้อื่นจากเขาอีกด้วย นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างเครือข่ายให้กับตนเอง ถ้าหากในอนาคตต้องการเข้ามาร่วมงานกับบริษัทนี้อีกครั้ง

นั่นจะเป็นการทำให้เกิดช่องว่างในการเรียนหรือไม่?

การใช้เวลาทุ่มเทให้กับการฝึกงานจะทำให้ช่องว่างระหว่างการทำงานและการศึกษาหรือไม่? ในความเป็นจริงแล้ว บริษัทต่างๆเปิดรับสมัครผู้ที่ต้องการทำงานประจำมากกว่าต้องการผู้ที่จะมาฝึกงานเสียอีก ดังนั้นจำนวนผู้ที่เข้ามาฝึกงานนั้นมีจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับพนักงานประจำ

ในมุมมองของนายจ้าง การฝึกงานทำให้ผู้สมัครที่ผ่านการฝึกงานมีคุณสมบัติที่เหนือกว่าผู้สมัครที่ไม่เคยสัมผัสกับโลกของการทำงานที่แท้จริง นอกจากนั้นการฝึกงานยังเป็นข้อบ่งบอกถึงประสบการณ์ที่มีอยู่ในตัวผู้สมัครอีกด้วย

สำหรับผู้ที่ไม่เคยเข้ารับการฝึกงาน จะสามารถทำให้ตนเองเท่าเทียมกับผู้อื่นได้อย่างไร? ไม่จำเป็นต้องมองในมุมนั้นเสมอไป แต่สามารถใช้ทักษะอื่นๆทดแทนได้

คาเรน โทห์ ผู้จัดการฝ่ายบุคคลท่านหนึ่ง กล่าวว่า “การคัดเลือกผู้สมัครจะมีอยู่สองประเภท อันแรกคือ การทำงานประจำกับงานชั่วคราว การฝึกงานไม่ใช่สิ่งที่ใช้ตัดสินคัดเลือกผู้สมัคร ฉันรู้ดีว่าผู้ฝึกงานบางท่านไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการฝึกงานเลย หรือได้ประสบการณ์จากการทำงานน้อยมาก และยังทราบอีกว่า ผู้ที่ไม่มีประสบการณ์บางท่านมีโอกาสาในการเลือกทำงานได้มากกว่า โดยอาศัยข้อมูลจากการสัมภาษณ์ ผลการเรียน ประสบการณ์ที่มี ขึ้นอยู่กับลักษณะเฉพาะของแต่ละคน”

จำไว้เสมอว่าต้องมีความสุขกับการทำงาน!

เพราะต้องการมีอนาคตในการทำงานที่มั่นคง นักศึกษาส่วนใหญ่จึงมักกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ คำแนะนำนี้จึงมีประโยชน์อย่างยิ่งที่จะทำให้รู้จักสร้างโอกาสให้กับตนเอง แต่ในปัจจุบันนี้มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ก็มักจะมีการแนะแนวทางในการประกอบอาชีพสำหรับนักศึกษาอยู่แล้ว การทำงานนั้นแตกต่างเกมการเล่นฟุตบอล หลายๆท่านหวนกลับมามองอดีตและคิดว่าช่วงเวลาที่เรียนในมหาวิทยาลัยคือ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิต ดังนั้นต้องทำให้โลกภายนอกสมดุลกับช่วงเวลาเหล่านั้นด้วย

ขอยกตัวอย่างผู้ที่สามารถทำเช่นนั้นในความเป็นจริงได้ นั่นคือ “ฉันเคยผ่านเข้าสู่การสัมภาษณ์งานครั้งหนึ่ง ไม่ใช่ในตำแหน่งนักศึกษาฝึกงาน ฉันเริ่มต้นจากจุดนั้น ตัดสินใจใช้ช่วงเวลาในระหว่างปิดเทอมภาคฤดูร้อนเพื่อทำงาน ฉันพบว่ามันเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำมาก หลังจากนั้น ฉันก็กลับมาทำงานอีกครั้งด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมา (โดยมีผู้ที่สนใจประสบการณ์เฉพาะตัวของฉันให้โอกาส) และก็ได้ทำงานที่ดีในปีนั้น ดังนั้นอย่าเคร่งเครียดกับสิ่งต่างๆมากเกินไป จำไว้ว่าควรจะได้รับความสุขจากการทำสิ่งต่างๆในชีวิตของเราด้วย”


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น